เสียชีวิต วันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1778 ที่ประเทศสวีเดน (Sweden)
ผลงาน
- จำแนกสัตว์และพืชออกเป็นหมวดหมู่
- ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้กับพืช และสัตว์
ลินเนียสเป็นนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ที่จำแนกพืชและสัตว์ออกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งทำให้วิทยาศาสตร์ ชีวภาพมีความชัดเจน และสะดวกสำหรับการศึกษาต่อไป
ลินเนียสเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1707 ที่ประเทศสวีเดน บิดาของเขาเป็นพระสอนศาสนา ลินเนียสเป็นคนรักต้นไม้ เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาธรรมชาติ อีกทั้งลินเนียสยังได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพืชชนิดต่าง ๆ มาจากบิดาอีกด้วย ทำให้เขายังมีความสนใจเกี่ยวกับพืชมากขึ้น ลินเนียสได้รับการศึกษาขั้นแรกจากครูที่บิดาของเขาจ้างให้มาสอนที่บ้าน แต่เรียนอยู่ได้เพียง 2 ปี เท่านั้น ก็ต้องเลิกไป
- ตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ให้กับพืช และสัตว์
ลินเนียสเป็นนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ที่จำแนกพืชและสัตว์ออกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งทำให้วิทยาศาสตร์ ชีวภาพมีความชัดเจน และสะดวกสำหรับการศึกษาต่อไป
ลินเนียสเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1707 ที่ประเทศสวีเดน บิดาของเขาเป็นพระสอนศาสนา ลินเนียสเป็นคนรักต้นไม้ เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาธรรมชาติ อีกทั้งลินเนียสยังได้รับการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพืชชนิดต่าง ๆ มาจากบิดาอีกด้วย ทำให้เขายังมีความสนใจเกี่ยวกับพืชมากขึ้น ลินเนียสได้รับการศึกษาขั้นแรกจากครูที่บิดาของเขาจ้างให้มาสอนที่บ้าน แต่เรียนอยู่ได้เพียง 2 ปี เท่านั้น ก็ต้องเลิกไป
หลังจากนั้นบิดาจึงส่งลินเนียสไปเรียนในตัวเมืองซึ่งห่างออกไปจากบ้านเขาประมาณ 25 ไมล์ ต่อจากนั้นลินเนียสได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยลุนด์ ในคณะแพทย์ เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยลุนด์ได้เพียง 1 ปี ก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยฮาร์ดวิก ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และได้รับปริญญาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เอง ในระหว่างที่ลินเนียสศึกษาวิชาแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์ดวิก เขาได้ใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งค้นคว้าเกี่ยวกับพืชและสัตว์
ในปี ค.ศ. 1730 ลินเนียสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ ซึ่งศาสตราจารย์ท่านนี้ได้มอบทุนให้กับลินเนียสเพื่อเดินทางออกสำรวจดินแดน แลป แลนด์ (Lap Land) ลินเนียสได้ออกเดินทางในปี ค.ศ. 1732 เขาใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 1 ปี โดยเดินทางสำรวจตลอดคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย (Scandinavia) รวมระยะทาง 4,600 ไมล์ ซึ่งลินเนียสได้พบกับพันธุ์พืชใหม่ ๆ กว่า 100 ชนิด ต่อมาในปี ค.ศ. 1737 ลินเนียสได้เขียนสิ่งที่เขาพบเห็นจากการ สำรวจครั้งนี้ลงในหนังสือชื่อว่า Flora Laponida ไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1735 ลินเนียสได้ตีพิมพ์หนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า Systema Nationra ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการจำแนก ลักษณะและแบ่งชั้นทั้งของพืชและสัตว์ ออกเป็นตระกูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ซึ่งลินเนียสได้ทำพันธุ์พืชและสัตว์ทุกชนิดรวมถึงที่สูญพันธุ์ไปแล้ว หรือสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ด้วย โดยเขาใช้วิธีการที่เรียกว่า "Linnaean Classification"
ลินเนียสได้ออกเดินทางสำรวจไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกทั้งเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติอีกหลายเล่ม ได้แก่ ในปี ค.ศ. 1736 ลินเนียสได้พิมพ์หนังสือชื่อว่า Biologica Botanica ในปีต่อมาเขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า General Plantarum หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์พืช ตามลักษณะของพันธุ์พืช และในปีต่อมาเขาได้ตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Classes Plantarum ในปี ค.ศ. 1738 ลินเนียสได้เดินทางกลับบ้านที่ประเทศสวีเดน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาแพทย์ และประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ประจำมหาวิทยาลัยอัปซาลา (Upsala University) อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของกษัตริย์แห่งสวีเดนอีกด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1742 ลินเนียสได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ และรัฐบาลสวีเดนได้ส่งลินเนียสไปสำรวจ ทิโอแลนด์(Tio Land) และสก็อตแลนด์ (Scotland) หลังจากเดินทางกลับ ลินเนียสได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า Olandscatoch Cortland Skatesa ซึ่งตีพิมพ์ออกเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1745 พร้อมกับหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Flora Suecica
ในปี ค.ศ. 1746 ลินเนียสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอัปซาลา ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ เขาได้นำพันธุ์พืชชนิดใหม่ ๆ มาปลูกไว้ในสวนจำนวนมากกว่า 1,200 ชนิด พร้อมกับเขียนอธิบายถึงพันธุ์พืชภายในสวนพฤกษศาสตร์อย่างละเอียด ลงในหนังสือชื่อว่า Hortus Upsaliensis
ต่อมาในปี ค.ศ. 1753 ลินเนียสได้ตีพิมพ์หนังสือขึ้นอีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Species Plantarum ตั้งชื่อพืชและสัตว์เหล่านี้เป็นภาษาละติน ซึ่งรู้จักกันในปัจจุบันว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ชื่อ ชื่อแรกบอกตระกูล (Genus) ส่วนชื่อหลังบอกชนิด (Species) วิธีการจัดหมวดหมู่ของลินเนียสทำให้นักชีววิทยาสามารถจดจำชื่อชนิดของสัตว์ และของพืชได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสะดวกต่อการค้นค้าต่อไป วิธีการนี้ต่อมาเป็นที่นิยมแพร่หลายในทวีปยุโรปอย่างรวดเร็ว และนิยมต่อมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเขายังเป็นผู้ที่กำหนดสัญลักษณ์แทนเพศ คือ หมายถึง เพศผู้ และ หมายถึง เพศเมีย
ลินเนียสเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเก็บสะสมพืช และสัตว์พันธุ์ต่าง ๆ ต่อมาเมื่อลินเนียสเสียชีวิตในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1778 สิ่งที่เขาสะสมไว้คือ พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ รวมทั้งหนังสือ ได้ถูกขายให้กับนักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษผู้หนึ่ง ซึ่งนักพฤกษศาสตร์ท่านนี้ได้นำไปทำการศึกษาเกี่ยวกับพืชและสัตว์ โดยตั้งชื่อสถาบันแห่งนี้ว่า English Biological Association หรือ Linnaeus Society สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ
ที่มา
http://siweb.dss.go.th/Scientist/Scientist/Carolus%20Linnaeus.html
ในปี ค.ศ. 1730 ลินเนียสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยของศาสตราจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ ซึ่งศาสตราจารย์ท่านนี้ได้มอบทุนให้กับลินเนียสเพื่อเดินทางออกสำรวจดินแดน แลป แลนด์ (Lap Land) ลินเนียสได้ออกเดินทางในปี ค.ศ. 1732 เขาใช้เวลาในการสำรวจประมาณ 1 ปี โดยเดินทางสำรวจตลอดคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย (Scandinavia) รวมระยะทาง 4,600 ไมล์ ซึ่งลินเนียสได้พบกับพันธุ์พืชใหม่ ๆ กว่า 100 ชนิด ต่อมาในปี ค.ศ. 1737 ลินเนียสได้เขียนสิ่งที่เขาพบเห็นจากการ สำรวจครั้งนี้ลงในหนังสือชื่อว่า Flora Laponida ไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1735 ลินเนียสได้ตีพิมพ์หนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า Systema Nationra ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการจำแนก ลักษณะและแบ่งชั้นทั้งของพืชและสัตว์ ออกเป็นตระกูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ซึ่งลินเนียสได้ทำพันธุ์พืชและสัตว์ทุกชนิดรวมถึงที่สูญพันธุ์ไปแล้ว หรือสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ด้วย โดยเขาใช้วิธีการที่เรียกว่า "Linnaean Classification"
ลินเนียสได้ออกเดินทางสำรวจไปตามสถานที่ต่าง ๆ อีกทั้งเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติอีกหลายเล่ม ได้แก่ ในปี ค.ศ. 1736 ลินเนียสได้พิมพ์หนังสือชื่อว่า Biologica Botanica ในปีต่อมาเขาได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า General Plantarum หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์พืช ตามลักษณะของพันธุ์พืช และในปีต่อมาเขาได้ตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Classes Plantarum ในปี ค.ศ. 1738 ลินเนียสได้เดินทางกลับบ้านที่ประเทศสวีเดน และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาแพทย์ และประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ประจำมหาวิทยาลัยอัปซาลา (Upsala University) อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของกษัตริย์แห่งสวีเดนอีกด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1742 ลินเนียสได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ และรัฐบาลสวีเดนได้ส่งลินเนียสไปสำรวจ ทิโอแลนด์(Tio Land) และสก็อตแลนด์ (Scotland) หลังจากเดินทางกลับ ลินเนียสได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า Olandscatoch Cortland Skatesa ซึ่งตีพิมพ์ออกเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1745 พร้อมกับหนังสืออีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Flora Suecica
ในปี ค.ศ. 1746 ลินเนียสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอัปซาลา ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ เขาได้นำพันธุ์พืชชนิดใหม่ ๆ มาปลูกไว้ในสวนจำนวนมากกว่า 1,200 ชนิด พร้อมกับเขียนอธิบายถึงพันธุ์พืชภายในสวนพฤกษศาสตร์อย่างละเอียด ลงในหนังสือชื่อว่า Hortus Upsaliensis
ต่อมาในปี ค.ศ. 1753 ลินเนียสได้ตีพิมพ์หนังสือขึ้นอีกเล่มหนึ่งชื่อว่า Species Plantarum ตั้งชื่อพืชและสัตว์เหล่านี้เป็นภาษาละติน ซึ่งรู้จักกันในปัจจุบันว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ชื่อ ชื่อแรกบอกตระกูล (Genus) ส่วนชื่อหลังบอกชนิด (Species) วิธีการจัดหมวดหมู่ของลินเนียสทำให้นักชีววิทยาสามารถจดจำชื่อชนิดของสัตว์ และของพืชได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสะดวกต่อการค้นค้าต่อไป วิธีการนี้ต่อมาเป็นที่นิยมแพร่หลายในทวีปยุโรปอย่างรวดเร็ว และนิยมต่อมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเขายังเป็นผู้ที่กำหนดสัญลักษณ์แทนเพศ คือ หมายถึง เพศผู้ และ หมายถึง เพศเมีย
ลินเนียสเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเก็บสะสมพืช และสัตว์พันธุ์ต่าง ๆ ต่อมาเมื่อลินเนียสเสียชีวิตในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1778 สิ่งที่เขาสะสมไว้คือ พันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ รวมทั้งหนังสือ ได้ถูกขายให้กับนักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษผู้หนึ่ง ซึ่งนักพฤกษศาสตร์ท่านนี้ได้นำไปทำการศึกษาเกี่ยวกับพืชและสัตว์ โดยตั้งชื่อสถาบันแห่งนี้ว่า English Biological Association หรือ Linnaeus Society สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ
ที่มา
http://siweb.dss.go.th/Scientist/Scientist/Carolus%20Linnaeus.html