วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เฮนรี่ คาเวนดิช : Henry Cavendish
เฮนรี่ คาเวนดิช : Henry Cavendish
เกิด วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1731 ที่เมืองนีซ (Nice) ประเทศอิตาลี (Italy)
เสียชีวิต วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1810 ที่กรุงลอนดอน (London) ประเทศอังกฤษ (England)
ผลงาน
- ค้นพบสารประกอบน้ำซึ่งมีสูตรทางเคมีว่า H2O หมายถึง ไฮโดรเจน 2 ส่วน ออกซิเจน 1 ส่วน (โดยปริมาตร)
- ค้นพบกฎพื้นฐานทางไฟฟ้า
- ค้นพบก๊าซไฮโดรเจน
- ค้นพบกรดไนตริก หรือกรดดินประสิว
แม้ว่าน้ำจะเป็นสารประกอบธรรมดา ทำให้ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ผู้ใดให้ความสนใจ แต่การค้นพบสารประกอบน้ำ และการค้นพบสมบัติของธาตุ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับการค้นคว้างานด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะด้านเคมี และนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบผลงานดังกล่าวก็คือ เฮนรี่ คาเวนดิช
คาเวนดิชเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1731 ที่เมืองนีซ ประเทศอิตาลี ครอบครัวของคาเวนดิชถือว่าร่ำรวยและมีชื่อเสียงมากทีเดียว บิดาของเขาเป็นท่านลอร์ด ชื่อว่า ชาร์ล คาเวนดิช (Lord Charles Cavendish) ส่วนปู่ของเขาก็เป็นดยุคแห่งดีวอนไชร์ที่ 2 (Duke of Devonshire II) จากฐานะที่ร่ำรวย ทำให้คาเวนดิชได้รับการศึกษาที่ดี และมีเงินทุนสำหรับการทดลองวิทยาศาสตร์ คาเวนดิชเริ่มต้นการศึกษาขั้นแรกเมื่ออายุได้ 11 ปีที่โรงเรียนเฮคเนย์ (Hackney) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษหลังจากจบการศึกษาที่โรงเรียนเฮคเนย์ คาเวนดิชได้เข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยปีเตอร์ (Peter College) ในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) เมื่อจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แล้ว คาเวนดิชได้เดินทางกลับบ้านเพื่อทำการทดลองวิทยาศาสตร์ และศึกษางานด้านวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง โดยเขาได้สร้างห้องทดลองขึ้นที่บ้านของเขาเอง ซึ่งเป็นห้องทดลองที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้นก็ว่าได้
คาเวนดิชทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทดลอง ในปี ค.ศ. 1765 เขาได้ทำการทดลองเกี่ยวกับความร้อน และค้นพบ "กฎพื้นฐานทางไฟฟ้า" ว่าถ้าหากนำประจุไฟฟ้า 2 ขั้ว มาเชื่อมต่อกัน จะมีกระแสไฟฟ้าไหลจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง จนเกิดสมดุลกระแสไฟฟ้า ไฟฟ้าจึงหยุดไหล จากหลักการอันนี้คาเวนดิชได้ประดิษฐ์หม้อเก็บกระแสไฟฟ้าขึ้น และนำมาใช้ในการทดลองของเขาด้วย จากนั้นเขาได้ทำการทดลองต่อไป จนค้นพบก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen) แต่เขาเรียกก๊าซไฮโดรเจนว่า "Inflammable air" แปลว่า ก๊าซที่สามารถติดไฟได้ ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามสมบัติที่สามารถติดไฟได้ของก๊าซชนิดนี้
ต่อมาคาเวนดิชได้ทำการทดลองตามสมมติฐานของ คาร์ล วิลเฮล์ม เชย์เลอร์ (Karl Wilhem Scheele) ที่ว่า ออกซิเจน 1 ส่วน กับไฮโดรเจน 2 ส่วน (โดยปริมาตร) เผารวมกันแล้วจะเกิดการระเบิดและสลายตัวไป คาเวนดิชได้ทำการทดลองโดยการบรรจุก๊าซไฮโดรเจน และออกซิเจน ไว้ในขวดแก้วอย่างหนาจากนั้นก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในขวด ปรากฏว่าเกิดการระเบิดขึ้นภายในขวด แต่ขวดไม่เป็นอะไร จากนั้นคาเวนดิชสังเกตเห็นว่าภายในขวดมีละอองน้ำเขาเริ่มสงสัยว่าน้ำมาจากไหน และทำการทดลองซ้ำอีกหลายครั้ง เพื่อค้นหาที่มาของน้ำ ในที่สุดเขาก็พบสมบัติของน้ำว่าไม่ใช่ธาตุ แต่เป็นสารประกอบโดยมีส่วนประกอบ
ของไฮโดรเจน (Hydrogen) และออกซิเจน (Oxygen) โดยเขียนเป็นสัญลักษณ์ทางเคมีได้ดังนี้ H2O ซึ่งหมายถึง ไฮโดรเจน 2 ส่วน ออกซิเจน 1 ส่วน (โดยปริมาตร)
สิ่งที่เขาค้นพบอีกอย่างหนึ่งจากการทดลองครั้งนี้คือ กรดไนตริก (Nitric acid) หรือกรดดินประสิว ว่าประกอบไปด้วยไนโตรเจน และก๊าซอีก 2 ชนิด คือ ออกซิเจน และไฮโดรเจน การพบกรดไนตริกนี้เกิดจากที่คาเวนดิชสังเกตว่าน้ำที่ได้จากการทดลองไม่ได้เป็นน้ำบริสุทธิ์ทุกครั้งไป แต่บางครั้งน้ำมีฤทธิ์เป็นกรด
ในปี ค.ศ. 1803 คาเวนดิชได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของราชสมาคมแห่งกรุงลอนดอน (Royal Society of London) และในปีเดียวกัน เขาก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของราชสมาคมแห่งฝรั่งเศส (Royal Society of Franc) ซึ่งมีชาวต่างประเทศเป็นสมาชิกอยู่เพียง 8 คน เท่านั้น
คาเวนดิชเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1810 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากผลงานและความสามารถของเขาในปี ค.ศ. 1874 ทางรัฐบาลอังกฤษได้สร้างห้องทดลองที่มีอุปกรณ์อันทันสมัยขึ้นมาในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในความสามารถของเฮนรี่ คาเวนดิชนักฟิสิกส์และเคมีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ และได้ตั้งชื่อห้องทดลองนั้นว่า ห้องทดลองทางฟิสิกส์ คาเวนดิช (Cavendish Physical Laboratory)
ที่มา
http://siweb.dss.go.th/Scientist/Scientist/Henry%20Cavendish.html